กล้อง TLR นั้นที่จริงมีการคิดค้นตั้งแต่ประมาณปี 1870 และพัฒนามาเรื่อยๆ จนมาเป็นรูปร่างที่นิยมอย่างมาก คือ กล้อง TLR จาก Rolleicord และ Rolleiflex ในช่วงปี 1929 และในช่วงปี 1940-1960 มีกล้อง TLR ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศญี่ปุ่นออกมามากมายหลายยี่ห้อ แต่ที่เราคุ้นหูมีเพียงแค่ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้น
กล้อง TLR นั้นที่จริงมีการคิดค้นตั้งแต่ประมาณปี 1870 และพัฒนามาเรื่อยๆ จนมาเป็นรูปร่างที่นิยมอย่างมาก คือ กล้อง TLR จาก Rolleicord และ Rolleiflex ในช่วงปี 1929 และในช่วงปี 1940-1960 มีกล้อง TLR ที่ผลิตจากโรงงานในประเทศญี่ปุ่นออกมามากมายหลายยี่ห้อ แต่ที่เราคุ้นหูมีเพียงแค่ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้น
ต่อไปขอว่ากันไปที่ละส่วนๆ แล้วกันครับ
2. เลนส์ (Taking Lens)
ในส่วนของเลนส์สำหรับรับภาพนั้น กล้อง TLR เกือบทั้งหมดจะเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้ เป็นเลนส์ฟิกซ์ และเป็นช่วงระยะ Normal คือ 75-85 mm. ส่วนกล้อง TLR ที่เปลี่ยนเลนส์ได้ เช่น Mamiya C220 ส่วนกล้อง TLR ที่มีเลนส์ระยะอื่น เช่น Tele Rolleiflex ที่มีเลนส์ระยะ 135mm เป็นต้น
3. ระบบโฟกัส
กล้อง TLR ที่เห็นโดยมากทั้วๆ ไป เวลาโฟกัส เราจะหมุนปุ่มโฟกัสที่อยู่ด้านข้างๆ ของกล้อง ซึ่งปุ่มหมุนโฟกัสนี้จะไปหมุนชุดเลนส์ทั้ง 2 ตัวให้ขยับไปพร้อมๆ กัน เมื่อเราโฟกัสจากช่องมองภาพได้ เลนส์รับภาพชุดล่างก็จะโฟกัสได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในกล้อง TLR รุ่นเก่าๆ นั้น อาจจะมีกล้องที่ไม่สามารถโฟกัสได้ หรือโฟกัสได้เฉพาะเลนส์รับภาพ เช่น Kodak Duaflex
หรือกล้องรุ่นเก่าๆ บางรุ่น จะใช้เฟืองในการหมุนโฟกัส คือ เลนส์ทั้ง 2 ตัว จะมีเฟืองต่อกัน เมื่อเราหมุนโฟกัสที่เลนส์ตัวใดตัวนึง เฟืองก็จะหมุนให้เลนส์อีกตัวหมุนตามไปด้วย เช่น Ricohflex VI, Lubitel, Argoflex เป็นต้น
ส่วนโฟกัสซิ่งสกรีนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นกระจกธรรมดา มีเพียงรุ่นใหม่ๆ ที่จะเป็นโฟกัสซิ่งสกรีนแบบ Split Image ดังนั้น เราต้องเล็งเองครับ หรือใช้ตัวแว่นขยายที่เค้าให้มาช่วยโฟกัส ก็จะง่ายขึ้น
4. ชัตเตอร์, รูรับแสง และระบบวัดแสง
ในส่วนของชัตเตอร์นั้น กล้อง TLR จะใช้ชัตเตอร์แบบ Leaf Shutter ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด มักจะอยู่ที่ 1/300 หรือ 1/500 ในส่วนของรูรับแสงก็มักจะมีรูรับแสงขนาดกว้างสุดที่ F3.5 ถ้ารุ่นไหนมีรูรับแสงขนาด F2.8 ก็จะมีราคาแพงกว่าพอสมควร
สำหรับระบบวัดแสงนั้น กล้อง TLR โดยมากที่มีในตลาดมือสอง จะผลิตอยู่ในช่วงปี 1940-1960 ซึ่งในช่วงนี้ กล้องจะยังไม่มีระบบวัดแสงในตัว ดังนั้นหากเล่นกล้อง TLR แล้ว ทำใจตัดเรื่องระบบวัดแสงออกไปก่อนได้เลย กล้อง TLR ที่มีระบบวัดแสง ก็จะเป็นรุ่นหลังๆ หน่อย ระบบวัดแสงในช่วงแรก ก็จะเป็นแบบ Selenium ซึ่งไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ใดๆ แต่วัดแสงแบบนี้มักจะเสื่อมไปตามกาลเวลา กล้องที่มีวัดแสงแบบนี้ เช่น Yashicamat LM, Yashicamat EM, Ricohflex New Dia L เป็นต้น ส่วนกล้อง TLR รุ่นหลังลงมาหน่อย ก็จะมีระบบวัดแสงแบบ CdS ที่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการวัดแสง เช่น Yashicamat 124G เป็น ต้น
5. ฟิล์ม และระบบขึ้นฟิล์ม
กล้องฟิล์ม TLR ส่วนใหญ่จะใช้ฟิล์ม 120 และให้ภาพขนาด 6×6 cm ถ่ายได้ 12 รูป แต่ก็มีหลายรุ่นที่ใช้ฟิล์ม format อื่น เช่น Rolleiflex Baby, Yashica 44 ที่ใช้ฟิล์ม 127
กล้อง TLR บางรุ่นอาจจะมี adapter สำหรับใส่ฟิล์ม 135 ได้ เช่น Yashcia 635 เป็นต้น หรือในบางรุ่นก็สามารถใช้ฟิล์ม 220 ได้ เช่นกัน เช่น Yashciamat 124G ที่สามารถใช้ได้ทั้งฟิล์ม 120 และ 220
ส่วนระบบขึ้นฟิล์ม ในกล้อง TLR จะใช้ระบบหมุนเพื่อขึ้นฟิล์ม โดยในกล้องรุ่นเก่าๆ ที่ยังไม่มีระบบนับฟิล์มอัตโนมัติ เวลาขึ้นฟิล์มจะต้องดูเลขฟิล์มเองที่ช่องด้านหลัง เมื่อถึงเลขถัดไปก็ต้องหยุดหมุนเอง แต่ถ้าเป็นกล้องที่รุ่นใหม่ขึ้นมาหน่อย ก็จะมีระบบนับฟิล์มอัตโนมัติ เวลาขึ้นฟิล์มก็หมุนๆ ไปจนกระทั่งมันหยุดเอง
สำหรับระบบขึ้นฟิล์ม อย่างที่บอกไปแล้วด้านบนว่า จะใช้วิธีหมุนเพื่อขึ้นฟิล์ม แต่ในกล้อง TLR ในรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาหน่อย จะใช้ก้านขึ้นฟิล์ม ที่เรียกว่า Crank ซึ่งข้อดีคือ สามารถขึ้นฟิล์มได้สะดวกและรวดเร็วกว่าแบบหมุน
ด้านบนทั้งหมดนั้น ก็คงจะช่วยให้หลายๆ คนพอจะเข้าใจกล้อง TLR มากขึ้น แม้กล้อง TLR จะมีระบบต่างๆ คล้ายกัน แต่ก็มีปลีกย่อยต่างกันไปในแต่ละรุ่น ทางที่ดีลองพยายามหาคู่มือในเน็ตมาอ่านประกอบไปด้วยจะดีที่สุดครับ
กล้อง TLR เอง ก็มีหลายยี่ห้อ มาจากหลายๆ ประเทศ เช่น เยอรมัน สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต และญี่ปุ่น เป็นต้น กล้องบางตัวอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่เท่าที่ผมลองใช้มา กล้อง No Name หลายๆ ตัวก็ให้ภาพที่ดีได้เหมือนกัน
ส่วนตัวผมเอง ค่อนข้างชอบกล้อง TLR เพราะเนื่องด้วยหน้าตา และฟิล์ม 120 ที่ใช้เป็นขนาด Medium Format จึงสามารถเก็บรายละเอียดได้ดี ภาพออกมาสวย มีมิติภาพดี จริงๆ แล้วก็อยากให้มาลองใช้กล้อง TLR ดูครับ ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ใช้แล้วจะติดใจครับ
‹ ก่อนหน้า | 1 | 2 |
หน้าที่เข้าชม | 2,043,613 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 987,535 ครั้ง |
เปิดร้าน | 15 ก.พ. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 26 ก.ย. 2568 |